นายทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโตดีในครึ่งปีหลัง โดยเชื่อว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลใหม่ที่จะออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศและสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยที่จะชัดเจนมากขึ้น คาดว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหนเข้ามา ต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย 2 เรื่องนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัว 4.3% ในครึ่งปีแรก 2.9% และครึ่งปีหลัง 5.7%
ทั้งนี้ ช่วงไตรมาส 2 น่าจะมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองเพิ่มขึ้น ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี คาดว่ารัฐบาลใหม่จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน ในการตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรี โดยคณะรัฐบาลน่าจะพร้อมทำงานอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ค.
นอกจากนี้ปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 66 ขึ้นเป็น 25 ล้านคน จากที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ 15-20 ล้านคน แต่จำนวนนักท่องเที่ยวยังต่ำกว่าปี 62 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือน 40 ล้านคน โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีน 5 ล้านคนในปีนี้ เทียบกับ 11 ล้านคนในปี 62 โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะหนาแน่นขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป และรัฐบาลใหม่จะเข้ามาขับเคลื่อนบริโภคในประเทศ
ส่วนของภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี มองว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในระดับต่ำที่สุด 1.2% ในไตรมาสที่ 3 และปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.6% ในไตรมาสที่ 4 คาดทั้งปีเงินเฟ้อ 2.1% เนื่องจากประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว โดยคาดว่าเงินเฟ้อและการบริโภคจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายทางเศรษฐกิจและนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายจากรัฐบาลใหม่ ในส่วนของปัจจัยด้านอุปทาน ราคาพลังงานและราคาอาหารที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอาจสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ซึ่งสนับสนุนมุมมองของเราที่มองว่าเงินเฟ้อจะกลับมาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 31 พ.ค. นี้ โดยดอกเบี้ยนโยบายน่าจะอยู่ที่ 2% ในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะอยู่จุดสูงสุดแล้ว แม้ว่ายังมีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก แต่ดัชนีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของไทยประกอบกับมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจเชิงบวกของ ธปท. จึงมองว่า ธปท. น่าจะยังดำเนินนโยบายการเงินเพื่อกลับสู่ภาวะปกติเพื่อเพิ่มพื้นที่นโยบาย
ขณะเดียวกันอาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้มากกว่า 1 ครั้งในปีนี้ โดยต้องติดตามเศรษฐกิจไทย น่าจะเอื้อให้ไทยขึ้นดอกเบี้ยได้, เงินเฟ้อกำลังลง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า และอาจเพิ่มในปลายปี อาจสนับสนุนให้ดอกเบี้ยไทยขึ้นอยู่ และดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ ธปท. ติดตามดูแลอยู่ ตอนนี้ยังติดลบอยู่ พยายามทำให้ดอกเบี้ยแท้จริงไม่ติดลบ อาจเป็นศูนย์หรือเป็นบวก อาจจะเอื้อให้ขึ้นดอกเบี้ยได้
ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทยังผันผวนอย่างน้อย 3-6 เดือน จากปลายปี 65 เงินบาทอยู่ที่ 38 บาทต่อดอลลาร์ เดือน ม.ค. บาทแข็งสุดในภูมิภาค และมาเดือน ก.พคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. อ่อนสุดในภูมิภาค คาดช่วงกลางปีนี้เงินบาทจะอยู่ที่ 34.5 บาทต่อดอลลาร์ จากรัฐบาลใหม่ และนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ปลายปีนี้อยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง